โจเซฟ มาร์ติเนซ อาจไม่ใช่ชื่อที่แฟนบอล อินเตอร์ มิลาน คุ้นหูกันมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาเขารับบทบาทเป็นเพียงตัวสำรองของ ยานน์ ซอมเมอร์ แต่เมื่อโอกาสมาถึง เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองพร้อมเป็นมากกว่านั้น ผู้รักษาประตูชาวสเปนรายนี้ถูก อินเตอร์ ดึงตัวมาจาก เจนัว ด้วยค่าตัวราว 13 ล้านยูโร หลังจากทำผลงานโดดเด่นใน เซเรีย อา เก็บ 25 คลีนชีตจาก 66 นัด แม้จะเคยเป็นมือหนึ่งของ เจนัว แต่เมื่อย้ายมายังถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า เขาต้องรับบทบาทมือสอง และมีโอกาสลงสนามจำกัด อย่างไรก็ตาม เมื่อ ยานน์ ซอมเมอร์ ได้รับบาดเจ็บ มาร์ติเนซ ก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป
เขาได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 5 นัดที่ผ่านมา โดยสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 4 นัดจากทุกรายการ เริ่มจากเกมโคปา อิตาเลีย กับ อูดิเนเซ่ ที่เขาเซฟสำคัญ 1 ครั้ง และช่วยให้ทีมไม่เสียประตู ตามมาด้วยเกมลีกที่พบกับ เจนัว ซึ่งเขาป้องกัน 2 จังหวะอันตรายและเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ เกมที่ยากที่สุดคือการเจอกับ ลาซิโอ ที่เขาต้องออกแรงเซฟถึง 6 ครั้ง แต่ก็ยังรักษาคลีนชีตได้อีกครั้ง เกมกับ นาโปลี แม้เขาจะโชว์ฟอร์มเซฟไปถึง 4 ครั้ง แต่สุดท้ายต้องเสียประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม เขากลับมาคืนฟอร์มในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับ เฟเยนูร์ด โดยเซฟถึง 5 ครั้ง และช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตได้อีกครั้ง รวมแล้วในช่วงเวลาที่ ซอมเมอร์ ไม่อยู่ โจเซฟ มาร์ติเนซ ลงเล่นไป 5 นัด ทำไปถึง 28 เซฟ และเก็บได้ 4 คลีนชีต
การที่ มาร์ติเนซ สามารถยกระดับตัวเองจากการเป็นเพียงผู้รักษาประตูตัวสำรอง สู่การเป็นฮีโร่ขี่ม้าขาวให้กับ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงเวลาสำคัญ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถ และความพร้อมของเขาในการก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งมือหนึ่งในระยะยาว แม้ ซอมเมอร์ จะเป็นนายด่านที่มีประสบการณ์และความเหนียวแน่น แต่จากผลงานของ มาร์ติเนซ ในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้ ซิโมเน่ อินซากี้ ต้องคิดหนักว่าใครควรเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งผู้รักษาประตูของทีม