ในโลกของฟุตบอลที่เต็มไปด้วยการย้ายทีม ความเปลี่ยนแปลง และแรงเสียดทานจากแฟนบอล ติอาโก้ ซิลวา คือหนึ่งในนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ไม่ว่าเขาจะสวมเสื้อสีไหน ก็ยังได้รับความรักและการยอมรับจากแฟนบอลทุกทีมที่เขาเคยผ่านชีวิตค้าแข้งมา เริ่มต้นจากเอซี มิลาน ที่เขาเองเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่คิดจะย้าย แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเงินของสโมสรในเวลานั้น ทำให้ตัวเขาต้องย้ายไปปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง แม้เหตุการณ์จะเปลี่ยนผ่านไปนานแค่ไหน แฟนปีศาจแดงดำก็ยังคงให้ความรัก เขายังเป็นตำนานในดินแดนมิลาน โดยเฉพาะเมื่อเขาพูดหลังเกมที่คว้าชัยเหนืออินเตอร์ มิลานว่า “ผมรู้สึกเหมือนได้เล่นมิลานดาร์บี้อีกครั้ง และขอมอบชัยชนะให้แฟนเอซี มิลาน” นั่นคือคำยืนยันว่า ติอาโก้ ซิลวา ไม่เคยลืมบ้านเก่าที่อบอุ่น
เมื่อย้ายมาปารีสฯ ความทุ่มเทและการเป็นผู้นำในสนามทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอล พร้อมด้วยการชื่นชมจากผู้ใหญ่ในสโมสร อย่างประธาน นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ที่ถึงกับโทรหาเขาส่วนตัวในวันที่ปารีสคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อขอบคุณและแบ่งปันความสำเร็จ แม้ติอาโก้จะไม่ได้อยู่กับทีมในวันนั้นแล้วก็ตาม ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงออกถึงความเคารพในระดับสูงสุด
ที่เชลซี เขาย้ายมาด้วยวัยที่ใครหลายคนอาจคิดว่าเกินพีคอาชีพ แต่กลับกลายเป็นหัวใจหลักในแนวรับ เป็นพี่ใหญ่ที่คอยประคองทั้งเกมรับและใจของผู้เล่นรุ่นน้อง การที่แฟนบอลเชลซีทำแบนเนอร์ใหญ่กลางสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อขอบคุณในวันอำลา คือคำตอบของคำว่า “Legend” ที่ไม่ติดข้อแม้เรื่องเวลา เช่นเดียวกับเมื่อเขาตัดสินใจกลับบราซิลเพื่อเล่นให้ฟลูมิเนนเซ สโมสรต้นกำเนิดของเขาเอง ในวัยปลายอาชีพ พร้อมสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมทันที เสียงตอบรับจากแฟนบอล 55,000 คนที่แห่มางานเปิดตัว จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการฟุตบอลบราซิล ยิ่งตอกย้ำว่า ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวในสนามไหน แฟนบอลย่อมพร้อมอ้าแขนรับเขาเสมอ
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่รักของทุกที่ ไม่ใช่เพียงฝีเท้า แต่อยู่ที่จิตวิญญาณในสนาม ความทุ่มเทในทุกนาทีที่ยืนอยู่บนผืนหญ้า และความเคารพในสีเสื้อที่เขาสวมใส่ เขาไม่ได้เป็นแค่กองหลังระดับโลก เขาคือสัญลักษณ์ของคำว่า “มืออาชีพ” อย่างแท้จริง และเป็นบทพิสูจน์ว่า บางคนไม่จำเป็นต้องอยู่กับทีมตลอดชีวิต ก็สามารถเป็น “ตำนาน” ได้อย่างไร้ข้อกังขา