“ดามาราย เกรย์” ชื่อนี้อาจกลับมาเป็นที่คุ้นหูแฟนบอลอังกฤษอีกครั้ง เมื่อปีกวัย 29 ปีรายนี้ กำลังจะหวนคืนสู่ถิ่น เซนต์ แอนดรูว์ส สนามเหย้าของเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ สโมสรที่เขาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในวัยเด็ก หลังจากตระเวนโชว์ฝีเท้าไกลถึง 5 ประเทศ 5 ลีกใหญ่ทั่วโลก ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เส้นทางลูกหนังของ เกรย์ น่าสนใจไม่น้อย จากเด็กสร้างของเบอร์มิ่งแฮมที่เคยลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 78 นัด ยิงได้ 8 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ เขาถูก เลสเตอร์ ซิตี้ ดึงตัวไปร่วมทีมในค่าตัวประมาณ 5 ล้านยูโร เพื่อร่วมภารกิจอันยิ่งใหญ่ในยุค “เลสเตอร์มหัศจรรย์” ภายใต้การทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ จากนั้น เขาย้ายไปหาโอกาสใหม่ๆ กับ เลเวอร์คูเซ่น ในบุนเดสลีกาเยอรมัน ด้วยค่าตัวเพียง 2 ล้านยูโร แล้วกลับมายังพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของเอฟเวอร์ตัน แล้วออกเดินทางไกลอีกครั้งในลีกซาอุดิอาระเบียกับ อัล อิติฟาค ที่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุมบังเหียน
เส้นทางสายลูกหนังของเขาเปรียบดั่งบทกวีบทหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งในเชิงของการค้นหาความมั่นคงในอาชีพ ความสม่ำเสมอในผลงาน และโอกาสลงเล่นต่อเนื่อง แม้จะมีช่วงเวลาที่ดูเหมือนหลุดกรอบจากฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกรย์ยังเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ในระดับทวีป และอยู่ในวัยที่ยังสามารถยกระดับตัวเองได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการกลับสู่เบอร์มิ่งแฮมในเวทีเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่แม้ไม่ได้หรูหราเหมือนพรีเมียร์ลีกหรือบุนเดสลีกา แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายทางจิตใจ นี่คือการกลับบ้าน กลับไปยังจุดเริ่มต้น และกลับไปสู่อ้อมกอดของสโมสรที่เคยหล่อหลอมตัวตนเขา ค่าเหนื่อยกว่า 76,222 ยูโรต่อสัปดาห์ที่เคยได้รับในลีกซาอุฯ อาจลดลง แต่บางทีมันก็แลกมาด้วยความสบายใจ และความรักจากแฟนบอลที่เขาถวิลหา
การกลับมาของดามาราย เกรย์ จึงไม่ใช่เพียงแค่การรีเซ็ตชีพจรฟุตบอลของตัวเองใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณว่าฟุตบอลไม่ได้เดินทางไปข้างหน้าเสมอ บางครั้งการกลับหลัง กลับสู่รากเหง้า กลับมาหาความเรียบง่าย อาจเป็นหนทางที่จะช่วยจุดไฟในหัวใจของนักเตะคนหนึ่งให้ลุกโชนอีกครั้ง และสิ่งที่แฟนบอลเบอร์มิ่งแฮมจะได้เห็นในฤดูกาลนี้ ไม่ใช่แค่ “เด็กเก่ากลับบ้าน” แต่คือเวอร์ชันที่ดีที่สุดของดามาราย เกรย์ ในวันที่เข้าใจฟุตบอลของตัวเองมากยิ่งกว่าเดิม