สำหรับแฟนบอลเจลีกที่ติดตามมายาวนานชื่อของ เรียว เจอร์เมน อาจไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งพุ่งแรง หรือผู้กอบกู้สโมสรใดสโมสรหนึ่งอย่างโดดเด่นในหลายปีที่ผ่านมา เขาเหมือนกับนักเตะธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่มุ่งมั่น ขยัน และใช้ความสม่ำเสมอเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเอง อย่างไรก็ดี ปี 2024 กลับกลายเป็นฤดูกาลที่ทุกคนเริ่มพูดถึงชายวัย 30 ปีคนนี้อย่างจริงจัง เมื่อเขาระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรง กดไป 19 ประตูจาก 32 นัดในศึกเจลีกสูงสุดได้อย่างน่าจดจำ
หนึ่งในค่ำคืนที่เปลี่ยนชื่อของเรียว เจอร์เมนจากคนธรรมดาให้กลายเป็นผู้เล่นระดับท็อปแบบเต็มตัว คงหนีไม่พ้นเกมที่เขาซัดคนเดียว 4 ประตูใส่ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ อย่างสุดเหลือเชื่อ ฟอร์มการเล่นในแมตช์นั้นไม่ต่างจากการป่าวประกาศบนเวทีลูกหนังว่า นักเตะที่ชื่อเรียว เจอร์เมน พร้อมแล้วสำหรับเวทีที่ใหญ่กว่า
ฟอร์มเฉียบขนาดนี้ถึงขั้นมีข่าวว่าทีมจากอังกฤษอย่าง “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สนใจดึงตัวไปร่วมทัพในช่วงที่ทีมกำลังมองหาคู่ขาซัดประตูให้กับ โอฮาชิ ดาวยิงตัวหลัก แม้ดีลจะเงียบไปในเวลาต่อมาแต่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เขากำลังก้าวเข้าสู่เรดาร์ของทีมต่างชาติอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นดาวยิงไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ปี 2025 ที่น่าจะต่อยอดความสำเร็จของเขากลับแปรเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เมื่อเรียว เจอร์เมน ย้ายมาร่วมทีมซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า แต่กลับทำได้เพียง 4 ประตูจาก 23 นัด เสียงวิจารณ์เริ่มกลับมาดังอีกครั้ง นักวิเคราะห์เริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนในฟอร์มการเล่นของเขา
ทว่า โชคชะตาก็ไม่เคยทอดทิ้งคนที่ยังไม่ยอมแพ้ ในรายการ East Asian Football Championship ปี 2025 เรียว เจอร์เมน สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งเมื่อเขาถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และสามารถซัด 4 ประตูได้ทันทีในเกมเปิดตัวกับทีมชาติ กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ทำได้ในประวัติศาสตร์
แต่เรื่องราวยังไม่จบเท่านั้น เขากลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักที่พาทีมคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวด้วยจำนวน 5 ประตู หนึ่งในนั้นคือประตูชัยในเกมนัดชิงชนะเลิศกับทีมชาติเกาหลีใต้อันตราตรึง
จากนักเตะที่ไม่เคยถูกคาดหวังมากนัก สู่การเป็นกองหน้าทีมชาติที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน เรียว เจอร์เมน กำลังเขียนบทใหม่ในชีวิตลูกหนังของตัวเอง โดยตอกย้ำว่า ความพยายามและจังหวะที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของนักเตะคนหนึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ