แม้เรื่องราวของเขากับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์จะจบลงเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่มรดกที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโตส ทิ้งไว้ให้กับ “เจ้าป่า” ยังคงชัดเจนเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ เพียงแค่ฤดูกาลเดียวที่เขาเข้ามากุมบังเหียน ฟอเรสต์ จากทีมที่หลายคนมองว่าจะต้องดิ้นรนหนีตกชั้นอย่างหนัก กลับกลายเป็นทีมที่มีลมหายใจของความหวัง เต็มเปี่ยมด้วยพลังงานแห่งการเปลี่ยนแปลง และพร้อมจะสร้างเรื่องราวหน้าใหม่ในเวทียุโรป
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของซีซั่น ทีมกำลังร่วงหล่นลงสู่โซนแดง ความหวังดูจะริบหรี่ แต่เบื้องหลังความมืดมิดนั้นเอง นูโน่ กลับมอบประกายแสงให้กับแฟนบอลที่ซิตี้ กราวด์ ด้วยแนวทางการเล่นที่เขาเชื่อมั่น ปรับจังหวะ ติดสปีดให้ทีมเร็วขึ้น โฟกัสแท็กติกที่กะทัดรัดแต่ทรงพลัง และที่สำคัญที่สุด เขาปลุกจิตวิญญาณนักสู้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ฟอเรสต์พลิกสถานการณ์ พุ่งออกจากโซนตกชั้น รักษาผลงานได้อย่างเหนียวแน่นในครึ่งหลังของฤดูกาล จนกลายเป็นหนึ่งในทีมที่ฟอร์ม “แรงแบบเงียบๆ” กวาดคะแนนสำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ผลงานของเขาชัดเจน – พาทีมรอดตกชั้นอย่างสง่างาม และก้าวไปอีกขั้นด้วยการคว้าตั๋วลุยเวทีฟุตบอลยุโรป
แม้ค่ำคืนของ ฟอเรสต์ ในถ้วยยุโรปยังไม่มาถึง แต่อ้อมแขนของแฟนบอลก็เปิดกว้างรับฝันนั้นไว้แล้ว และทุกคนรู้ดีว่าคนที่เริ่มจุดไฟฝันนั้นคือ นูโน่ เขายกระดับทีมจาก “รอดตาย” มาเป็น “ความหวัง” ในเวลาอันสั้น พร้อมสร้างเสถียรภาพในระบบหลังบ้าน พัฒนาศักยภาพนักเตะดาวรุ่ง ตลอดจนวางรากฐานแท็กติกที่ทีมยังสามารถต่อยอดต่อไปได้
71 นัด ที่เขาคุมทีม ชนะ 30 เสมอ 15 แพ้ 26 นับเป็นผลงานที่เกินความคาดหมาย ในบริบทของทีมที่เพิ่งกลับขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ไม่นาน และยังต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอนหลายด้าน ทั้งเรื่องนักเตะบาดเจ็บ การเงิน และโครงสร้างบริหาร
แต่ฟุตบอลก็เป็นเช่นนั้นเสมอ ไม่มีใครอยู่ได้ตลอดกาล และบางครั้งการลาจากก็ไม่ได้หมายความว่า “ล้มเหลว” เพราะสิ่งที่ นูโน่ ทิ้งไว้ คือภาพจำของการเปลี่ยนแปลงที่งดงาม และชื่อของเขาจะยังคงถูกกล่าวถึงในซิตี้ กราวด์ ตราบเท่าที่ภาพฟอเรสต์ลุยยุโรปยังโลดแล่นอยู่ในใจแฟนบอล
โชคดี นูโน่ – ชื่อของคุณ จะเป็นมากกว่าแค่ผู้จัดการทีมคนหนึ่งของฟอเรสต์